นพ. ภากร จันทนมัฎฐะ

Last updated: 18 ก.พ. 2564  |  6946 จำนวนผู้เข้าชม  | 

นพ. ภากร จันทนมัฎฐะ

ผมรู้สึกขอบคุณมูลนิธิสันติสุข ที่มีส่วนช่วยให้ความฝันของผมเป็นจริงผมเองมีชีวิตวัยเด็กที่แสนสุข และรู้สึกขอบคุณพระเจ้าเสมอ ที่เป็นเช่นนั้น สำหรับผมแล้ว วัยเด็กเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำ ไม่ใช่เพราะครอบครัวของเราร่ำรวยครอบครัวของเราเป็นข้าราชการ เป็นชนชั้นกลาง ผมไม่ได้มีของเล่นมากนัก เราไม่ค่อยได้ไปเที่ยวบ่อยๆ หรือไปต่างประเทศ แต่ผมไม่เคยรู้สึกว่า ตนเองขาดแคลนสิ่งใด ทั้งนี้เพราะความรักที่คุณพ่อคุณแม่มอบให้เต็มล้นอยู่ในชีวิตของผม และความรักนี้เองได้เสริมสร้างให้ผมเติบโตขึ้นอย่างมั่นคงในสังคมที่สับสนและไร้จุดหมายนี้ บัดนี้ผมได้พบว่า พระเจ้าผู้ทรงเป็นความรัก ได้อยู่กับผมและครอบครัวของผมมาตั้งแต่ที่ผมยังไม่รู้จักพระองค์

สิบกว่าปีก่อน ในบ่ายเดือนเมษายนที่ร้อนอบอ้าว ผมนำรถใหม่เอี่ยมไปติดเครื่องเสียงราคาแพง ขณะนั่งรออยู่ในห้องปรับอากาศเย็นฉ่ำ หญิงยากจนคนหนึ่งเดินเข้าขายธูป ข้างๆเธอมีลูกสาวตัวน้อยเดินติดตามมาด้วย ไม่มีใครซื้อธูปของเธอแม้แต่รายเดียว เมื่อเธอเดินออกจากร้านไปด้วยความผิดหวัง ผมเดินตามออกมา และพบว่า ในอ้อมกอดของเธอ มิได้มีแต่เพียงธูป แต่มีทารกตัวน้อยอยู่ด้วย และเด็กน้อยกำลังป่วยหนักมีไข้สูงมาก ผมถามเธอว่า พาไปหาหมอแล้วหรือยัง ก็ได้รับคำตอบว่า เรียบร้อยแล้ว เธอให้ผมดูขวดยาสำหรับเด็ก 2-3 ขวด ผมถามด้วยความสงสัยว่า เหตุใดจึงไม่รีบกลับบ้าน เธอบอกว่า ไม่มีเงินค่ารถเพราะได้จ่ายเป็นค่ายาหมดแล้ว หากขายธูปได้อีกเพียงกล่องเดียว...เพียงกล่องเดียว ก็จะพอค่าโดยสาร แต่ไม่มีใครช่วยซื้อเลย ผมจึงช่วยซื้อธูป และมอบเงินอีกจำนวนหนึ่งเพื่อเธอจะได้กลับบ้านพร้อมกับลูกทั้งสอง
 
บัดนี้เวลาผ่านไป 10 กว่าปีแล้ว รถยนต์ของผมเก่าจนต้องเข้าซ่อมหลายครั้ง เครื่องเสียงราคาแพงชำรุดจนต้องเปลี่ยนใหม่ มันไม่อาจมอบเสียงเพลงไพเราะและความสุขให้แก่ผมได้อีกต่อไป แต่ทุกครั้งที่ผมรำลึกสตรีขายธูปผู้นั้น ผมยังคงมีความสุขเสมอ แม้จะเป็นเพียงการช่วยเหลือเล็กๆน้อยๆเท่านั้น ผมมีความฝันเสมอมาว่า หากสามารถช่วยให้ผู้อื่นทุกข์ยากน้อยลง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยเพียงใดก็ตาม ผมปรารถนาที่จะทำ 
 
ผมจึงกล่าวไว้ในตอนต้นว่า ผมรู้สึกขอบคุณมูลนิธิสันติสุข ที่มีส่วนช่วยให้ความฝันของผมเป็นจริง ผมปรารถนาจะช่วยเด็กด้อยโอกาส ให้มีชีวิตวัยเด็กที่สดใส มีความมั่นใจว่า เขาเหล่านั้นมิได้ต่อสู้เพียงลำพัง แต่มีความสุขที่ได้เกิดมาบนโลกที่พระเจ้าทรงสร้างไว้อย่างงดงาม มีความหวังที่จะเติบโตขึ้นและแข็งแรงพอที่จะหยิบยื่นความช่วยเหลือและส่งต่อความเอื้ออาทรนี้ต่อๆไป ทุกครั้งที่เปิดอ่านจดหมายที่เด็กๆ จากมูลนิธิฯ เขียนมา ผมมีความสุขมาก และอดคิดไม่ได้ว่า บางที...พระเจ้าอาจจะทรงอ่านจดหมายนั้นพร้อมๆ กับผมและพระองค์คงจะมีความสุขมากเช่นกัน 
 
ผมเชื่อเสมอว่า ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ มนุษย์แตกต่างกัน เพื่อเติมส่วนขาดของกันและกัน สำหรับผมแล้ว มูลนิธิสันติสุข เปรียบเสมือนผู้ทอผ้า ผู้นำเอาผู้คนจากสังคมที่หลากหลายถักทอเข้าด้วยกัน โดยอาศัยความรักในองค์พระคริสต์ ความช่วยเหลือด้วยความจริงใจ ความสุขของทั้งผู้ให้และผู้รับ จะสะท้อนออกมาเป็นสังคมแห่งความเข้าใจและเกื้อกูล ซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการอย่างมากในสังคมที่แตกร้าวอย่างรุนแรงในปัจจุบัน
 
มนุษย์มีศักยภาพทำได้ในอันที่จะสรรสร้างโลกให้เด็กๆ จะมองด้วยแววตาเปี่ยมสุขราวกับมองดูสวนสนุก ผมเชื่อว่า พระพรและสันติสุขที่มนุษย์ไขว่คว้า ไม่ได้เกิดจาก สองมือของมนุษย์ที่ตักตวงผลประโยชน์เข้าหาตนเอง แต่มาจากมือที่มอบความช่วยเหลือ มือที่ยื่นออกไปซับน้ำตาและพยุงผู้อ่อนแอให้ลุกขึ้น ในที่สุดพระหัตถ์อันทรงรักของพระเจ้า จะอยู่กับผู้ที่มอบความรักให้แก่ผู้ด้อยโอกาสเสมอไป

ขอพระเจ้าอวยพระพรครับ
นพ. ภากร จันทนมัฎฐะ

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้